Tuesday, November 20, 2018

โครงงานคอมพิวเตอร์

โครงงานคอมพิวเตอร์

โครงงานคอมพิวเตอร์ คือ ผลงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าตามความสนใจ ความถนัดและความสามารถของผู้เรียน โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โครงงานจึงเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยผู้เรียนจะหาหัวข้อโครงงานที่ตนเองสนใจ รวมทั้งเชื่อมโยงความรู้ต่างๆและความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างผลงานตามความต้องการได้อย่างเหมาะสม โดยมีครูเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำ

ความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์มีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้
- เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์และเครื่องคอมพิวเตอร์
- นักเรียนเป็นผู้ริเริ่มและเลือกเรื่องที่จะศึกษาค้นคว้า พัฒนาด้วยตนเองตามความสนใจและระดับความรู้ ความสามารถ
- นักเรียนเป็นผู้วางแผนในการศึกษา ค้นคว้า ตลอดจนการพัฒนาเก็บรวบรวมข้อมูลหรือประดิษฐ์คิดค้น รวมทั้งการสรุปผล และการนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โดยมีครูอาจารย์หรือผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้คำปรึกษา
      การทำโครงงานคอมพิวเตอร์มีขอบเขตกว้างขวางมาก ตั้งแต่เรื่องที่ง่ายๆไปจนถึงเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน โครงงานคอมพิวเตอร์บางเรื่องอาจใช้เวลาสั้นในการพัฒนา จนถึงเรื่องที่ใช้เวลาเป็นภาคเรียนหรือปีการศึกษา โครงงานคอมพิวเตอร์บางเรื่องเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยจนถึงนับพันบาท นักเรียนจึงควรศึกษารายละเอียดและงบประมาณต่างๆ ของโครงงานก่อนจึงค่อยเลือกทำโครงงานที่เหมาะสมกับระดับความรู้ ความสามารถ และความ
สนใจของนักเรียน โดยทั่วๆไปการทำโครงงานคอมพิวเตอร์จัดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนรายวิชาคอมพิวเตอร์ทุกระดับการศึกษา โดยอาจจะทำเป็นกลุ่มหรือทำเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของนักเรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ

จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานคอมพิวเตอร์ไม่ได้อยู่ที่การส่งเข้าประกวดเพื่อรับรางวัล แต่เป็นโอกาสที่นักเรียนจะได้ประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆตลอดจนการแสดงผลงานของตนเองเพื่อให้นักเรียน ผู้ปกครองและผู้ที่สนใจในชุมชนเมื่อมีการจัดกิจกรรมของโรงเรียนหรืองานอื่น ๆ

ประโยชน์ของการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
1. ได้เรียนรู้แนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำโครงงาน
2. ส่งเสริมกระบวนการคิด การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ
3. ได้รับประสบการณ์ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อแก้ปัญหา
4. ส่งเสริมให้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์และสร้างสรรค์
หลักการสำคัญของการเรียนรู้แบบโครงงาน
1. ต้องเกิดจากความอยากรู้ของผู้เรียน ผู้เรียนมีความสนใจหรือต้องการคำตอบในเรื่องนั้นๆ
2. ผู้เรียนเป็นผู้เลือกวิธีการเรียนและแหล่งการเรียนรู้
3. ผู้เรียนวางแผนปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ มีวัตถุประสงค์ชัดเจนและปฏิบัติตามขั้นตอน
4. มีการใช้กระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้และผู้เรียนเป็นผู้สรุปองค์ความรู้
5. ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
6. ผู้เรียนมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้อื่น
7. ต้องมีการนำเสนอเพื่อรายงานผลการศึกษาจากการทำโครงงาน
8. ต้องมีการประเมินผลเพื่อให้เกิดการพัฒนางาน
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน
1. ทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงาน ประสานงาน การวางแผนการทำงาน
2. ทำให้กล้าคิด กล้าแสดงออก ต่อที่ประชุมชนมากขึ้น
3. ทำให้รู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบมากขึ้น
4. ทำให้รู้จักการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ
5. ทำให้รู้จักการเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
6. ทำให้เกิดการพัฒนาความคิด และรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
7. ทำให้รู้จักการแบ่งเวลา และการตรงต่อเวลา
8. ทำให้รู้จักการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
9. ทำให้รู้วิธีการทำงานต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการทำงาน
คุณค่าของการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
1. สร้างความสำนึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
2. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
3. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้ในเรื่องที่นักเรียนสนใจได้ลึกซึ้งกว่าการเรียนในห้องตามปกติ
4. ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ รวมทั้งการสื่อสารระหว่างกัน
5. กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนวิชาสาขาคอมพิวเตอร์ และมีความสนใจที่จะประกอบอาชีพทางด้านนี้
6. ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์
7. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูและชุมชน รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนสนใจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
8. เป็นการบูรณาการเอาความรู้จากวิชาต่าง ๆ ที่ได้รับมาจัดทำผสมผสานกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นโครงงานเพื่อนำเสนอต่อชุมชน

ตัวอย่างชื่อโครงงานในประเภทต่างๆ

โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
1.โปรแกรม ดนตรีไทยแสนสนุก
2.โปรแกรม ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
3.โปรแกรมฝึกอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ
4.โปรแกรมสำนวนไทยพาสนุก
5.โปรแกรมสนุกไปกับตารางธาตุ
6.โปรแกรมเรียนรู้คณิตศาสตร์

โครงงานพัฒนาเครื่องมือ
1. โปรแกรมการค้นหาคำภาษาไทย
2. โปรแกรมอ่านอักษรไทย
3. โปรแกรมวาดภาพสามมิติ
4. โปรแกรมเข้าและถอดรหัสข้อมูล
5. โปรแกรมบีบอัดข้อมูล
6. โปรแกรมประมวลผลคำไทยบนระบบปฏิบัติการลีนุกซ์
7. โปรแกรมการออกแบบผังงาน
8. เครื่องช่วยคนพิการแขนอ่านหนังสือ
9. การส่งสัญญาณควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

โครงงานจำลองทฤษฎี
1. การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเลี้ยงปลานิลด้วยคอมพิวเตอร์
2. การทดลองปัจจัยต่างๆ ในการเพาะปลูกแก้วมังกรด้วยคอมพิวเตอร์
3. การทำนายอุณหภูมิจากข้อมูลที่ผ่านมา
4. การทดลองผสมสารเคมีต่างๆ ด้วยคอมพิวเตอร์
5. ปัจจัยต่างๆ กับการเคลื่อนที่ของเครื่องบิน
6. ผลการปลูกข้าวในสภาวะแวดล้อมที่ต่างกัน
7. การเปรียบเทียบเทคนิคของการย่อขนาดแฟ้มข้อมูล
8. โปรแกรมสังเคราะห์เสียงพูดเบื้องต้น

โครงงานประยุกต์ใช้งาน
1. โปรแกรมระบบงานการกีฬา
2. โปรแกรม สารบรรณสำเร็จรูป : Readymade Archivist
3. โปรแกรมระบบฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น
4. เครื่องป้องกันการขโมยรถจากโทรศัพท์มือถือ
5. เครื่องช่วยคนพิการแขนอ่านหนังสือ
6. เครื่องรดน้ำต้นไม้และให้อาหารปลาผ่านโทรศัพท์มือถือ
7. เครื่องให้อาหารไก่ไข่อัตโนมัติ
8. ระบบจองตั๋วรถไฟบนอินเทอร์เน็ต

โครงงานประยุกต์ใช้งาน
1. ระบบบริหารจัดการข้อมูลผู้เรียนของโรงเรียน
2. ระบบจัดการข้อมูลการเงินส่วนบุคคล
3. ระบบจองตั๋วรถไฟบนอินเทอร์เน็ต
4. ระบบแนะนำเส้นทางเดินรถประจำทาง
5. โปรแกรมสังเคราะห์เสียงสำหรับคนตาบอดบนรถประจำทาง
6. โปรแกรมออกและตรวจข้อสอบ
7. โฮมเพจส่วนบุคคล
8. โปรแกรมช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น
9. โปรแกรมพจนานุกรมไทย-อังกฤษ

โครงงานพัฒนาเกม
1. เกมผจญภัยกับพระอภัยมณี
2. เกมอักษรเขาวงกต
3. เกมเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
4. เกมผจญภัยกับภาษาอังกฤษ
5. เกมหมากฮอส
6. เกมบวกลบเลขแสนสนุก
7. เกมศึกรามเกียรติ์
8. เกมมวยไทย

การคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆรอบตัว 

ปัญหาที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆกัน ดังนี้
1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ
2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5. งานอดิเรกของนักเรียน
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ในการตัดสินใจเลือก

หัวข้อที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้
1. นักเรียนเป็นผู้เลือกอย่างมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ศึกษาค้นคว้าตามความถนัด และ
ค านึงความพร้อมความสนใจของตนเองหรือของกลุ่ม
2. เลือกโครงงานที่มีคุณค่าและเป็นปัญหาใหม่ๆตรงกับความสามารถและความรู้ของตนเอง
3. คำนึงถึงความเหมาะสมในเรื่อง ความปลอดภัย เวลา งบประมาณ และกำลังของตน
4. คำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำโครงงาน
5. สามารถวางแผนการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆไว้ล่วงหน้า เห็นลู่ทางที่จะทำได้สำเร็จ
6. สามารถหาเครื่องมือหรือสร้างเครื่องมือที่มีคุณภาพเพื่อรวบรวมข้อมูลได้
7. มีความตั้งใจที่จะทำโครงงานให้ประสบผลสำเร็จ ได้ผลงานที่นำไปใช้ได้จริง
8. เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงและเป็นไปได้ มีคุณค่าต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
9. นักเรียนมีประสบการณ์อยู่บ้างและเป็นเรื่องที่มีโอกาสได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
10.เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมมือกันในการท าโครงงาน
11.เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวไม่กว้างเกินไป จนทำให้ไม่สามารถศึกษาลึกลงไปในรายละเอียดได้
12.เป็นเรื่องที่นักเรียนสามารถนำความรู้และทักษะที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการทำกิจกรรมอื่นๆ
13.เป็นกิจกรรมการศึกษาที่ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าปฏิบัติด้วยตนเองโดยอาศัยหลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆหรือจากประสบการณ์และกิจกรรมต่างๆที่ได้พบเห็นมาแล้ว
14.เป็นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรียนตามวัยและสติปัญญา รวมทั้ง
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้วย
15.นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงาน และการแปลผลรายงานผลต่อครูที่ปรึกษาเพื่อดำเนินงานร่วมกันให้บรรลุตามจุดหมายที่กำหนดไว้

ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิจะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คำตอบว่า
1. จะทำอะไร
2. ทำไมต้องทำ
3. ต้องการให้เกิดอะไร
4. ทำอย่างไร
5. ใช้ทรัพยากรอะไร
6. ทำกับใคร
7. เสนอผลอย่างไร

เค้าโครงโครงงานคอมพิวเตอร์ คือ รายละเอียดเพื่อขอเสนอทำโครงงานคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้
1. ชื่อโครงงาน ควรเขียนให้ตรงกับเรื่องที่จะทำเขียนให้สั้น กะทัดรัด ชัดเจน กระชับ ไม่ควรยาวเกินไป และใช้ข้อความที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไร ระบุให้ชัดเจน สื่อความหมาย ได้ใจความตรงกับเรื่องตรงกับงานที่นักเรียนกำลังศึกษา เมื่ออ่านชื่อเรื่องแล้ว สามารถบอกได้ว่าเรื่องนั้นมีลักษณะอย่างไร เป็นประโยคที่สมบูรณ์ มีประธาน กริยา กรรม และไม่ควรเป็นประโยคคำถาม เพราะไม่ใช่คำถามหรือปัญหา ชื่อควรเร้าความสนใจ แต่ต้องไม่ผิดเพี้ยนไปจากเนื้อเรื่องของโครงงาน
2. ชื่อผู้ทำโครงงาน/คณะทำงาน (ระบุรายชื่อคณะนักเรียนที่ทำโครงงาน)
3. ชื่อครูที่ปรึกษาโครงงาน (ระบุชื่อครูที่ให้คำแนะนำปรึกษา) อาจจะเป็นครูประจำรายวิชาหรือครูท่านอื่นหรือผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาได้
4. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน การอธิบายถึงความสำคัญและเหตุผลในการเลือกพัฒนาโครงงานและประโยชน์ของโครงงาน ความเป็นมาเกี่ยวกับปัญหาที่สนใจจะศึกษานี้ว่ามีหลักการความเป็นมา มีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร แรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจ เหตุใดจึงได้เลือกทำโครงงานนี้ มีเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้สนใจเป็นกรณีพิเศษ โครงงานนี้มีคุณค่า มีความสำคัญอย่างไร ประโยชน์ที่จะได้จากการจัดทำโครงงานนี้ ดีอย่างไร ทำไมจึงต้องทำ มีข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีหรือหลักวิชาการหรือตัวเลขสถิติที่มีความเกี่ยวข้องปรากฏเด่นชัด ควรจัดระบบเพิ่มเติมลงไปด้วย เพื่อแสดงว่าโครงงานนี้มีความสำคัญ เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้วเพื่อขยายปรับปรุงหรือทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผล
5. วัตถุประสงค์ เป็นการระบุความต้องการในการศึกษา ซึ่งอาจเขียนเป็นข้อๆ โดยเขียนให้ผู้อื่นทราบว่าเราจะทำการศึกษาอะไร อย่างไร แต่ไม่ใช่นำเอาประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการทำโครงงานมาเขียนเป็นจุดมุ่งหมาย ส่วนการระบุวัตถุประสงค์ของโครงงานนั้น จัดว่าเป็นการเขียนวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า หรือเป็นวัตถุประสงค์ของการทดลอง วัตถุประสงค์ที่ดี ควรมีความเฉพาะเจาะจง เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ บอกขอบเขตของงานที่จะทำได้ชัดเจน และไม่เขียนอยู่ในรูปของประโยคคำถาม ที่สำคัญคือต้องสอดคล้องกับชื่อของโครงงาน
6. ขอบเขตของโครงงาน ระบุว่าโครงงานที่ทำขึ้นนี้ศึกษาเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง และ
ใช้โปรแกรมอะไรในการสร้างชิ้นงานโครงงาน
7. แผนการดำเนินงาน ระบุขั้นตอนการดำเนินงาน ระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่วันที่เริ่มทำโครงงาน ระยะเวลาดำเนินงานแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติ ค่าใช้จ่าย หรืออธิบายการเริ่มงาน การจัดทำ การจัดรูปแบบ ออกแบบ ทดลองอะไร เก็บข้อมูลอะไรบ้าง อย่างไรและเมื่อใด ขั้นตอนการดำเนินงานเป็นอย่างไร
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการกล่าวถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำโครงงาน จะมีอะไรเกิดขึ้นมีปริมาณมากน้อยเพียงใด มีประสิทธิภาพหรือคุณภาพอย่างไร จะได้รับประโยชน์หลายลักษณะหรือลักษณะใด ลักษณะหนึ่งจากการทำโครงงานครั้งนี้อย่างไร ทั้งกับตนเอง เพื่อนๆ และบุคคลทั่วไป
9. อุปกรณ์และวิธีการดำเนินงาน ระบุว่าเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาโครงงานใช้ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ต่าง ๆมีอะไรบ้าง มีขนาดเท่าใด วัสดุอุปกรณ์มาจากไหน สิ่งใดที่ต้องซื้อและสิ่งใดที่ต้องขอยืม สิ่งที่ต้องจัดทำเองมีอะไรบ้าง

การปฏิบัติโครงงาน
เมื่อเค้าโครงงานผ่านความเห็นชอบจากครูที่ปรึกษาโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่ระบุไว้ โดยปฏิบัติตามแผนการดำเนินงาน อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมจากแผนงานที่วางไว้ในตอนแรกบ้างก็ได้ อยู่ภายใต้การดูแล กำกับ ติดตาม และแนะนำอย่างใกล้ชิดของครูที่ปรึกษา ควรปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงความปลอดภัย ในการทำงาน ตลอดจนคำนึงถึงสภาพแวดล้อม มีการบันทึกผลการปฏิบัติเป็นระยะๆ เพื่อรายงานความก้าวหน้าของโครงงาน 

การเตรียมการ 
ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้พร้อมด้วย
และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับบันทึกการทำกิจกรรมต่างๆ

ระหว่างทำโครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบการลงมือพัฒนา ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วยทำให้ผลงานดีขึ้น จัดระบบการทำงานโดยทำส่วนที่เป็นหลักสำคัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงค่อยทำส่วนที่เป็นส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงานกันทำ ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและครบถ้วน การตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเป็นความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทำงานได้ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้าหมายและทำด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย

ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. เตรียมวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ให้พร้อมก่อนลงมือปฏิบัติ
2. มีสมุดบันทึกกิจกรรมประจำวันว่าได้ทำอะไรไป ได้ผลอย่างไร มีปัญหาและข้อคิดเห็นอย่างไร
3. ปฏิบัติกิจกรรมด้วยความรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้ให้เป็นระเบียบและครบถ้วน
4. คำนึงถึงความประหยัดและความปลอดภัยในการทำงาน
5. พยายามทำตามแผนงานที่วางไว้ในตอนแรก แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมบ้างหลังจากที่ได้เริ่มต้นทำงานไปแล้วถ้าคิดว่าจะทำให้ผลดีขึ้น
6. ควรแบ่งงานเป็นส่วนย่อยๆและทำแต่ละส่วนให้สำเร็จ ก่อนทำส่วนอื่นต่อไป
7. ควรทำงานส่วนที่เป็นหลักสำคัญๆให้เสร็จ จึงทำส่วนที่เป็นส่วนประกอบ หรือส่วนเสริมเพื่อตกแต่ง
8. อย่าทำงานต่อเนื่องจนเมื่อยล้า จะทำให้ขาดความระมัดระวัง
9. อย่าทำโครงงานใกล้ถึงวันกำหนดส่ง ควรวางแผนการทำงานล่วงหน้าให้เป็นระบบ

การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นการอธิบาย และ บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทำโครงงาน สื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงาน ควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้ทำโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสำคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ และผลที่ได้ โดยย่อ
5. กิตติกรรมประกาศ คำขอบคุณ เป็นคำกล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยทำให้โครงงานสำเร็จ
6. สารบัญ
6.1 สารบัญตาราง (ถ้ามี)
6.2 สารบัญภาพ (ถ้ามี)

บทที่ 1 บทนำ
1. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน เขียนอธิบายถึงความเป็นมาเกี่ยวกับปัญหาที่สนใจจะศึกษานี้ว่ามีหลักการความเป็นมา มีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร แรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจ เหตุใดจึงได้เลือกทำโครงงานนี้ มี
เหตุจูงใจอะไรที่ทำให้สนใจเป็นกรณีพิเศษ โครงงานนี้มีคุณค่า มีความสำคัญอย่างไร ประโยชน์ที่จะได้จากการจัดทำโครงงานนี้ ดีอย่างไร ทำไมจึงต้องทำ มีข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีหรือหลักวิชาการหรือตัวเลขสถิติที่มีความเกี่ยวข้องปรากฏเด่นชัด ควรจัดระบบเพิ่มเติมลงไปด้วย เพื่อแสดงว่าโครงงานนี้มีความสำคัญ เป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้าไว้บ้างแล้วเพื่อขยายปรับปรุงหรือทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผล
2. วัตถุประสงค์ของโครงงาน เป็นการระบุความต้องการในการศึกษา ซึ่งอาจเขียนเป็นข้อๆ โดยเขียนให้ผู้อื่นทราบว่าเราจะทำการศึกษาอะไร อย่างไร แต่ไม่ใช่นำเอาประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการทำโครงงานมาเขียนเป็นจุดมุ่งหมาย ส่วนการระบุวัตถุประสงค์ของโครงงานนั้น จัดว่าเป็นการเขียนวัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า หรือเป็นวัตถุประสงค์ของการทดลอง วัตถุประสงค์ที่ดี ควรมีความเฉพาะเจาะจง เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ บอกขอบเขต
ของงานที่จะทำได้ชัดเจน และไม่เขียนอยู่ในรูปของประโยคคำถาม ที่สำคัญคือต้องสอดคล้องกับชื่อของโครงงาน
3. ขอบเขตของโครงงาน ระบุว่าโครงงานที่ทำขึ้นนี้ศึกษาเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง และใช้โปรแกรมอะไรในการสร้างชิ้นงานโครงงาน
4. ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นการกล่าวถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำโครงงาน จะมีอะไรเกิดขึ้น มีปริมาณมากน้อยเพียงใด มีประสิทธิภาพหรือคุณภาพอย่างไร จะได้รับประโยชน์หลายลักษณะหรือลักษณะใด ลักษณะหนึ่งจากการทำโครงงานครั้งนี้อย่างไร ทั้งกับตนเอง เพื่อนๆ และบุคคลทั่วไป

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี หรือวิธีการที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนน ามาเปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย

บทที่ 3 อุปกรณ์และวิธีการด าเนินงาน
ระบุขั้นตอนการดำเนินงานส าคัญ ๆ ตั้งแต่วันที่เริ่มทำโครงงาน ระยะเวลาดำเนินงานแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติ ค่าใช้จ่าย หรืออธิบายการเริ่มงาน การจัดทำ การจัดรูปแบบ ออกแบบ ทดลองอะไร วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บข้อมูลอะไรบ้าง อย่างไรและเมื่อใด อุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน

บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน
ระบุผลที่ได้จากการศึกษา พัฒนาโครงงาน เขียนตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน นำเสนอข้อมูลที่พัฒนาได้ โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ หรือข้อความ ภาพตัวอย่างผลงาน

บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน / อภิปรายผลการดำเนินงาน /ข้อเสนอแนะ
เมื่อได้ผลงานที่พัฒนาเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำสรุปผลการดำเนินงานด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัด แต่ครอบคลุมกระบวนการขั้นตอนการดำเนินงานทั้งหมด ทำให้ผู้อ่านรายงานเข้าใจสิ่งที่ค้นพบจากการทำโครงงานได้ชัดเจน พร้อมกับอภิปรายผลเพื่อนำผลที่ได้รับจากการพัฒนาโครงงานหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎีพร้อมทั้งระบุข้อเสนอแนะสิ่งที่ควรจะศึกษาหรือแนวทางการพัฒนาโครงงานให้เกิดประโยชน์ในอนาคตต่อไป

บรรณานุกรม
บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ที่ผู้ทำ โครงงานใช้ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาโครงงานนี้การเขียนเอกสาร บรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย

ภาคผนวก
ส่วนประกอบที่เขียนเพิ่มเติมในตอนท้าย เพื่อช่วยให้เห็นความสมบูรณ์ในข้อมูลเนื้อหา กระบวนการดำเนินงานและผลของการวิจัย อาจประกอบด้วย แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติที่เกี่ยวข้องอื่น นอกเหนือจากส่วนที่จัดไว้ในเนื้อหา สำเนาเอกสารหายาก โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ นอกจากนี้อาจมีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น คำอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอน หรือวิธีทำภาพประกอบ การสร้างเครื่องมือหรืออุปกรณ์การ
ทดลอง ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นหรือสร้างขึ้นในโครงงานนั้น ๆ สำหรับกรณีมีภาคผนวกหลายภาค ให้จัดเป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข และภาคผนวก ค ตามลำดับ และ
ให้ขึ้นหน้าใหม่เมื่อขึ้นภาคผนวกใหม่ และพิมพ์หน้าบอกตอนสำหรับภาคผนวกนั้น ๆ ด้วย

การแสดงผลงาน
เป็นการนำเสนอผลงาน สามารถจัดได้หลายรูปแบบ เช่น การจัดนิทรรศการ หรือทำเป็นสิ่งพิมพ์ การสอนแบบเพื่อนสอนเพื่อน ตามความเหมาะสมของโครงงาน การนำเสนอและแสดงโครงงาน การนำเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเทและเป็นวิธีทำให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้นการเสนอผลงานอาจทำได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบาย ประกอบการรายงานด้วยคำพูดในที่ประชุมการจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคำพูด เป็นต้น 
โดยผลงานที่นำามาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
3. คำอธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงาน
4. วิธีการดำเนินการที่สำคัญ
5. การสาธิตผลงาน
6. ผลการสังเกตและข้อสรุปสำคัญที่ได้จากการทำโครงงาน

Monday, November 5, 2018

เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์


โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา
บันทึกการเพิ่มพูนความรู้ด้านวิชาการ
ประจำปีการศึกษา 2561

ชื่อ วิชญาดา  ปัญญาฤทธิ์  เลขที่ 18  ม.6/2


Internet :  https://www.aripfan.com/ces-2018-trend-technology/






1.สาระสำคัญ

แนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ชี้นำอนาคต

1.ชาร์จไร้สายแบบ Over-the-air


สมาร์ทโฟนในปัจจุบันหลายรุ่นรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) บ้างแล้ว แต่ข้อจำกัดของเทคโนโลยีในลักษณะนี้ยังต้องพึ่งพาแท่นชาร์จ แต่ความฝันของเทคโนโลยีนี้ต้องสามารถชาร์จแบบไร้สายได้อย่างแท้จริง หรืออีกนัยหนึ่งคือ “การส่งพลังงานเพื่อชาร์จผ่านทางอากาศ” (Over-the-air)

2.ทีวีแบบ Micro-LED

ปกติเรามักได้ยินแต่ทีวีแบบ LED แต่สำหรับงาน CES 2018 มีการคาดการณ์ว่า Samsung เตรียมเปิดตัวทีวีแบบใหม่ที่เรียกว่า Micro-LED ที่ใช้หลอดไฟ LED ขนาดเล็กกว่า 100 micrometers ให้ประโยชน์ต่อการผลิตแสงในตัวเอง พร้อมอัตราความคมชัดสูงและให้สีดำที่ดำสนิท นอกจากนี้ยังเป็นทีวีที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำอีกด้วย

3.Smart home

อุปกรณ์ประเภทลำโพงอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงได้ กลายเป็นเทรนด์ที่บริษัทด้านเทคโนโลยีให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดย Alexa จาก Amazon ถือเป็นอุปกรณ์ภายในบ้านที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีอีกหลายบริษัทก็ได้คิดค้นและพัฒนาอุปกรณ์ในลักษณะดังกล่าวออกมาชิงชัยกันอย่างคึกคัก

4.อีกก้าวของ Augmented reality

จากปรากฎการณ์ของเกม Pokemon GO ที่นำเสนอรูปแบบการเล่นเกมในลักษณะ Augmented reality หรือ AR จนกลายกระแสความนิยมไปทั่วโลก สร้างความคึกคักให้กับวงการ AR เป็นอย่างมาก และนั่นนำไปสู่การต่อยอดของการพัฒนา AR ร่วมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้คนที่สามารถเข้าถึงโลกเสมือนจริงภายใต้โลกแห่งความเป็นจริงได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่หลายบริษัทจะนำเสนอเทคโนโลยี AR ใหม่ๆ ภายในงาน CES 2018 ได้แก่ Carl Zeiss, Occipital, Kinmo, Kodak, Royole และ Sony

5.สงครามในตลาด “โน้ตบุ๊ค” จะดุเดือดอีกครั้ง

ตลาดโน้ตบุ๊คที่ซบเซาไปหลายปี แต่คาดการณ์ว่าในงาน CES 2018 เราจะได้เห็นการแข่งขันของผู้ผลิตโน้ตบุ๊คกันอย่างดุเดือด ซึ่งโน้ตบุ๊คประเภทที่มีน้ำหนักเบา ประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์การพกพา ดีไซน์สวยงาม สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

6.หุ่นยนต์

อย่าหวาดวิตกครับว่าปีนี้เราจะมีหุ่นยนต์ประเภทเดียวกับในหนังอย่าง iRobot หรือ Terminator แต่หุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะถูกนำมาโชว์ในงาน CES 2018 จะเน้นไปในเชิงการเป็นผู้ช่วยให้กับผู้คน หรือเป็นผู้ช่วยในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งสิ่งที่จะพัฒนามากขึ้น คือ Artificial Intelligence หรือ A.I. เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ให้มีความสามารถในการโต้ตอบกับผู้คนได้มากขึ้น เข้าใจในภาษาพูด สามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำ หรือช่วยตัดสินใจให้กับผู้คนได้มากขึ้น

7.สมาร์ทโฟน

แม้ตัวเลขการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนจะไม่พุ่งสูงมาก แต่การแข่งขันของผู้ผลิตจำนวนมากยังเป็นไปอย่างเข้มข้น งานออกแบบค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกัน รวมไปถึงสเปคและประสิทธิภาพที่ให้ความคุ้มค่าเกินราคา ซึ่งในงาน CES 2018 คาดว่าจะมีผู้ผลิตบางรายใช้โอกาสนี้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งงานออกแบบอย่างตัวเครื่องที่ทำขึ้นจากกระจก, สัดส่วนหน้าจอ 18:9, กล้องคู่, ตัด headphone jack ทิ้ง และกันน้ำได้ 

8.Smart Car

ทิศทางของตลาดรถยนต์เริ่มพุ่งเป้าไปที่การพัฒนารถยนต์ส่วนบุคคลที่สามารถขับเคลื่อนเองได้อัตโนมัติ พร้อมระบบอัจฉริยะที่สามารถควบคุมและให้ความปลอดภัยกับคนนั่งได้ แถมช่วงปลายปีก็เริ่มมีค่ายรถยนต์บางรายเริ่มพัฒนารถโดยสารขนส่งสาธารณะแบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติบ้างแล้วเช่นกัน

อาชีพเกิดใหม่ในอนาคต

1.ทนายความโซเชียลมีเดีย                                                                                                                         ด้วยปัจจุบันที่มีคดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมโลกไซเบอร์มากถึง 5.8 ล้านคดีต่อปี ทางเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ได้รับการร้องเรียนในเรื่องพวกนี้เฉลี่ยทุกๆ 45 นาที ดังนั้นการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโลกไซเบอร์จะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต แน่นอนว่าถึงตอนนั้นเราคงต้องการทนายความที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้


justice symbol hammer - Google Search

2.ครูเสมือนจริง (Virtual teacher)
ในวันที่กระดานดำ ไวท์บอร์ดหน้าห้องเรียนเริ่มหมดบทบาทลง ขณะที่การเรียนผ่านโลกออนไลน์กลับเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันถ้าคุณอยากเรียนอะไรก็สามารถทำได้ไม่กี่คลิก อยากเรียนหลักสูตรของมหาวิทยาลัยอีกทวีปก็สามารถทำได้แม้บ้านคุณจะอยู่ที่มุมไหนของโลก 
309.4k Followers, 565 Following, 556 Posts - See Instagram photos and videos from emma studies (@emmastudiess)

3.มัคกุเทศก์นำเที่ยวอวกาศ
ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าภายใน 10 – 20 ปี การท่องเที่ยวอวกาศจะเป็นเรื่องปกติคล้ายการนั่งเครื่องบิน เทียบค่าโดยสารเครื่องบินที่บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (Trans-Atlantic flights) ครั้งแรกนั้นมีราคาสูงหลายพันเหรียญสหรัฐ แต่ปัจจุบันถูกปรับลงมากอยู่ในระดับไม่กี่ร้อยเหรียญ ดังนั้นธุรกิจท่องอวกาศก็น่าจะคล้ายคลึงกัน
Speechless, legendary

4.Pharmer
เป็นอาชีพเกษตรกรที่เรารู้จักนี้แหละเพียงแค่คือเกษตรกรที่ใช้เทคโนโลยีในการดูแลเพาะปลูกพืชทางวิศวกรรม เป็นอาชีพที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขาดอาหาร (Food Supply)
Man using laptop in field with goats - Phil Fisk/Oxford Scientific/Getty Images

5.ช่างซ่อมรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Self-driving car mechanic) 
อย่างที่ทราบปัจจุบันเริ่มมีการนำรถยนต์ขับเคลื่อนได้เองออกมาใช้งานกันแล้ว แต่ยังขาดช่างที่เชี่ยวชาญคอยซ่อมรถพวกนี้ ดังนั้นช่างซ่อมรถขับเองได้ก็เป็นอาชีพอนาคต 

car engine

6. นักขุดแร่ในอวกาศ (Space miner) 
ปัจจุบันทรัพยากรฟอซซิลนับวันมีแต่หมดลง ดังนั้นการออกท่องอวกาศเพื่อค้นหาแร่มาใช้จึงเป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อย



7.ผู้เชี่ยวชาญด้านการกลับสภาพภูมิอากาศ (Climate change reversal specialist)
อาชีพนี้คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือไม่ ต้องบอกว่าไม่เชิงทีเดียว เพราะผู้เชี่ยวชาญยุคใหม่จะทำหน้าที่พัฒนาระบบนิเวศน์ให้กลับมาใหม่ โดยอาศัยความสามารถทางเทคโนโลยี
Weather forecast for Monday


8.คนรีไซเคิลขยะอวกาศ (Space junk recycler) 
พวกเขาเหล่านี้จะต้องระบุ ( Identify) ว่าจุดไหนในอวกาศ วงโคจรไหนที่เหมาะที่จะขนเอาขยะไปจัดการ รวมถึงขยะอวกาศที่เกิดขึ้นจากการกระแสเดินทางออกนอกโลก

Japan To Deploy A Magnetic Net In Space To Clean Up Floating Debris...the first space net satellite (not counting the test unit) will be deployed in 2019.


9. Neuro enhancer
อาชีพที่จะคอยสร้างยาในการช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง พูดง่ายๆ ว่าคล้ายๆ กับผู้กำกับหนัง คนทำทีวีในยุคนี้ที่ช่วยทำให้สมองเราผ่อนคลาย คลายเครียด Neuro enhancer ก็แบบเดียวกัน โบรกเกอร์เวลา (Time broker) ในอนาคตมีการคาดการณ์ว่าเวลาคือสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงิน คนที่มีเวลาเยอะสามารถนำมาฝาก เพื่อเบิกไปใช้งานได้ เพื่อช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถทำงานเสร็จได้ทันเวลาหรืออะไรก็ตามที่ต้องการเวลาในการทำ ผู้เชี่ยญยังระบุอีกว่าเรื่องนี้เหมาะกับคนเป็นฟรีแลนซ์ที่ภายในปี 2020 40% ของงานจะจ้างฟรีแลนซ์ทำทั้งหมด

Be Brain Fit! A guide to choosing memory supplements. Be sure to check contraindications if taking any medications


10.นักกีฬาอีสปอร์ต (eSport athlete)
เล่นเกมจะทำให้ไม่เสียคนอีกต่อไป เพราะถ้ามุ่งมั่นดีๆ คนอาจเป็นตัวแทนทีมชาติ แข่งขันโอลิมปิกอีสปร์ตในอนาคต


Played Warhamme


VIDEO ABOUT Future technology & Future world





2.แนวคิดผู้เขียนที่ต้องการแบ่งปัน
1.ในปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมาก แต่แน่นอนว่าข้อจำกัดระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์เทคโนโลยี เป็นสิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน บางอย่างอาจมีความเสี่ยงและมนุษย์ไม่สามารถทำได้ จึงจำเป็นต้องใช้หุ่นยนต์ เช่นเดียวกับการทำงานที่หากเป็นมนุษย์ต้องหยุดพัก แต่ถ้าเป็นหุ่นยนต์แล้ว การหยุดพักแทบไม่จำเป็นเลย
2.อาชีพบางอาชีพอาจตกงานในอนาคตก็ได้ เราจึงควรมองอาชีพที่จะมีงานมารองรับ เพราะในอนาคตบางอาชีพอาจถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ก็เป็นได้ 
3.การป้องกันและการเลือกใช้เทคโนโลยีต่างๆให้ถูกต้องและเหมาะสม โดยเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่อันตรายทั้งข้อมูลส่วนตัวและสุขภาพ
4.บทความนี้อาจช่วยทำให้คุณมีไอเดียของการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองในอนาคต 
5.ความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเทคโนโลยีในโลกอนาคต และยังเป็นแนวคิดจินตนาการที่น่าสนใจอีกด้วย

3.แนวทางในการปฏิบัติ
  1. ควรเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและถูกต้องเหมาะกับความต้องการในชีวิตประจำวันของเรา 
  2. มนุษย์จำเป็นต้องมีการพัฒนาให้ก้าวหน้าเท่าทันและนำสมัย เพราะว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง ไม่หยุดพัฒนา
  3. รูปแบบของโลกในอนาคตที่คาดว่าจะสามารถมองเห็นได้เป็นเรื่องปกติในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ซึ่งจำเป็นที่มนุษย์ต้องมีการปรับตัวให้เท่าทันและเหมาะสมกับเทคโนโลยีเหล่านั้นด้วย
  4. ต้องใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและรู้คุณค่า สำหรับทรัพยากรในอนาคตที่กำลังจะใกล้หมดลง และต้องหามาทดแทน 

4.การนำมาใช้ในการเรียน
  1. การได้เรียนรู้ถึงเทคโนโลยีต่างๆมากมายในอนาคต เป็นรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน 
  2. การได้เรียนรู้ถึงเทคโนโลยีในอนาคตและเทคโนโลยีต่างๆที่กำลังพัฒนาเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ช่วยของมนุษย์ในอนาคต
  3. การได้เรียนรู้ถึงเทคโนโลยีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยดูแลพลังงานทดแทน และทรัพยากรต่างๆที่เหลืออยู่อย่างจำกัดในโลกปัจจุบัน

5.ผลที่คาดว่าจะเกิดกับตนเองและผู้อื่น
  1. ได้เรียนรู้และเตรียมตัวสำหรับเทคโนโลยีในอนาคตอันใกล้
  2. ได้ความรู้รอบตัว และความรู้ใหม่ๆเพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีนี้
  3. ได้เรียนรู้ถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และเทคโนโลยีในอนาคตที่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
  4. ได้เรียนรู้ถึงความสามารถของมนุษย์ ที่มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่มีไม่อย่างจำกัดของมนุษย์เสมอ


6.ได้นำความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิต
ได้นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน  คือ การที่ได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี และการพัฒนาขีดความสามารถของเทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ของมนุษย์   

ผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน / กับงาน / กับเพื่อนร่วมห้อง
ผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน  คือ การได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆในอนาคต ได้เรียนรู้ถึงวิธีการและมีประสบการณ์ในการเขียน weblog ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ และให้ความรู้มากมาย รวมถึงเป็นประสบการณ์ที่สามารถนำไปใช้ในอนาคตได้
ผลที่เกิดกับงาน คือ การได้ผลงานที่มีความสวยงาม และเป็นประโยชน์กับทั้งตนเอง เพื่อนๆ และผู้เข้าชม weblog ซึ่งจะได้ความรู้แล้วยังได้รับความภาคภูมิใจอีกด้วย

ผลที่เกิดกับเพื่อนร่วมห้อง คือ การที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน โดยไม่จำเป็นต้องมีเวลาที่ตรงกัน หรืออยู่ในที่เดียวกัน โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้นอกจากจะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังทำให้ได้แบ่งปันความคิด - ไอเดียใหม่ๆ ช่วยเหลือกันภายในห้องอีกด้วย